ALLY GLOBAL MANAGEMENT เปิดตัวครั้งแรกของเอเชีย หนึ่งเดียวของการลงทุนแบบไพรเวท อิควิตี้ (Private Equity) มิติใหม่ในการเชื่อมนักลงทุนเซาท์อีสเอเชียลงทุนร่วมกับผู้นำธุรกิจระดับโลก มุ่งเป้าสินทรัพย์ 5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ใน 5 ปี
นักธุรกิจรุ่นใหม่ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยศักยภาพและวิสัยทัศน์ มาพร้อมกับพันธกิจที่จะสร้างภูมิทัศน์ใหม่ให้กับการลงทุนในประเทศไทย ผ่านการเปิดตัว ALLY Global Management “ALLY GLOBAL” โดยคุณกฤษฎิ์ เอี่ยมสกุลรัตน์ Managing Partner ของ ALLY GLOBAL ได้เปิดโลกทัศน์ให้ชาวไทยได้รู้จักกับแพลตฟอร์มการลงทุนใหม่ล่าสุด ที่จะเชื่อมตลาดทุนระหว่างภูมิภาคเซาท์อีสเอเซียเข้ากับตลาดการลงทุนในระดับโลก
คุณกฤษฎิ์ เอี่ยมสกุลรัตน์ Managing Partner ของ ALLY GLOBAL กล่าวว่า ปัจจุบัน นักลงทุนไทยค่อนข้างมีข้อจำกัดในการลงทุนอยู่พอสมควร ไม่ว่าจากประเภทสินทรัพย์ หรือ จากการเข้าถึงสินทรัพย์ประเภทต่างๆ เมื่อเปรียบเทียบกับนักลงทุนในระดับโลก จึงทำให้การลงทุนมีข้อจำกัด ถึงแม้จะมีรูปแบบการลงทุนในกองทุนต่างประเทศ แต่ก็ต้องผ่านตัวกลางมากมาย ซึ่งจะมีการคิดค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง และในส่วนของผลตอบแทนเมื่อเทียบกับความเสี่ยงที่เกิดขึ้นค่อนข้างจะทำให้เกิดความเสียเปรียบนักลงทุนในต่างประเทศ ทางเรามองเห็นโอกาสนี้ที่จะสามารถช่วยให้นักลงทุนไทยเข้าถึงการลงทุนโดยตรง โดยที่ไม่ต้องผ่านตัวกลางมากมาย ซึ่งจะเป็นการบั่นทอนผลประโยชน์ลงไปอีก การลงทุน Alternative Investment หรือ Private Equity เป็นสัดส่วนสำคัญของกองทุนระดับโลก โดยมีการจัดสรรการลงทุนไม่ตํ่ากว่า 25-40% โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่มีความผันผวนสูงเช่นในปัจจุบัน
ดังนั้น ALLY GLOBAL เป็นบริษัทการลงทุน (Alternative Investment–Private Equity Investment) ที่มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารการลงทุนมูลค่ากว่า 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และมีเป้าหมายที่ขยายสินทรัพย์ภายใต้การบริหารสู่ 5,000 ล้านเหรียญในระยะเวลา 5 ปี โดยปัจจุบันมีสำนักงานอยู่ที่นิวยอร์ก ลอสแอนเจลิส กรุงเทพฯ และ สิงคโปร์ ALLY GLOBAL เน้นการลงทุนใน 4 ธุรกิจหลักทั่วโลก โดยเน้นองค์ประกอบของธุกิจที่มีความมั่นคงและอนาคตเติบโตสดใส และเน้นการลงทุนที่มีผลตอบแทนสูง มีทรัพย์สิน หรือ กระแสเงินสดรองรับ อันได้แก่
1. อสังหาริมทรัพย์ (Real Estate)
2. สื่อและความบันเทิง (Media and Entertainment)
3. อุตสาหกรรมด้านบริการ และ โรงแรม (Hospitality)
4. การลงทุนในธุรกิจที่มีการเติบโต ยั่งยืน และพลังงานสะอาด (Growth, Sustainability and Green Energy)
ALLY GLOBAL ยังถือได้ว่าเป็น Platform การลงทุนที่แรกที่เปิดโอกาสให้กับนักลงทุนในการลงทุนร่วมกับเจ้าของบริษัทบริหารสินทรัพย์ระดับยักษ์ใหญ่ของโลก เช่น Carlyle Group, Avenue Capital ซึ่งแตกต่างกับ Platform อื่นที่ให้ผู้บริหารกองทุนต่างชาติเป็นผู้บริหารเงินลงทุนให้อีกต่อทอดหนึ่ง จึงทำให้นักลงทุนมีโอกาสเลือกการลงทุนที่ดีที่สุด โดยการที่เราทำได้เช่นนี้ เนื่องจากว่าเรามี Network ที่แข็งแกร่งกับ Family office ต่างๆ และอีกส่วนที่สำคัญคือการเป็นพันธมิตรกับผู้บริหารโครงการที่เป็นผู้นำที่แข็งแกร่งในตลาดที่หลากหลายทั่วโลก
ALLY GLOBAL วางกลยุทธ์การลงทุนแบบ Leadership Strategy หรือกลยุทธ์แบบผู้นำที่เหนือกว่า มีหลักการที่น่าสนใจสองเรื่อง เรื่องแรกคือการลงทุนร่วมกับผู้ก่อตั้งกองทุนชื่อดังขนาดใหญ่ เช่น Family office ของเดวิด รูบินสไตน์ เจ้าของคาร์ไล กรุ๊ป (Carlyle Group) หนึ่งในกองทุนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในอเมริกา ซึ่งเราจะเห็นมาโดยตลอดว่า เขาสามารถเข้าถึงโอกาสที่ดีกว่าผู้อื่นอยู่เสมอ สำหรับการลงทุนที่สร้างผลตอบแทนในระดับที่สูง ในส่วนที่สอง ALLY GLOBAL ทำงานร่วมกับพันธมิตรกองทุนระดับโลกและบริษัทชั้นนำที่มีชื่อเสียงมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Blackstone, Rockpoint Group, และ Avenue Capital ที่ประสบความสำเร็จในการในการดำเนินการลงทุนอย่างมากในธุรกิจประเภทต่างๆ ALLY GLOBAL ยังได้ทำงานร่วมกับทุก Partner อย่างใกล้ชิด เพื่อที่จะเข้าใจถึงเทรนด์ของโลกที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ และเพื่อโอกาสการเข้าลงทุนในสินทรัพย์นั้นโดยตรง เพื่อให้เกิดผลตอบแทนสูงสุดกับนักลงทุน
“พาร์ทเนอร์หลายคนของเราที่เคยเป็นหัวหน้าทีมด้านการลงทุนอสังหาฯ ในธนาคารขนาดใหญ่ทั่วโลก อาทิ ที่โกลแมน แซคส์ เมอริล ลินช์ เป็นต้น ทำให้เรารู้จักและคัดเลือก Operator ที่ดีที่สุดในตลาดหลักๆ ให้เราได้ดูและเลือกของดีก่อนคนอื่น ซึ่งเห็นได้จากผลตอบแทนในการลงทุนของเราที่มีตั้งแต่ 18 ถึง 40% ต่อปี (โดยประมาณ) ในทุกการลงทุน
ที่มาของแนวคิดเริ่มมาจากการที่ดูการลงทุนของครอบครัวใน Private Investment globally แล้วเห็นว่า ผู้บริหารกองทุนต่างประเทศ ไม่ได้มีโอกาสที่ดีที่สุดในตลาด คนที่มีโอกาสที่ดีที่สุดอยู่ที่ Local Operator ในแต่ละเมือง ซึ่งเรามีคอนเนคชั่น และเคยร่วมลงทุนด้วยกันมานาน” คุณกฤษฏิ์ กล่าว
ความโดดเด่นของ ALLY GLOBAL ที่ต่างกับการลงทุนแบบแพลตฟอร์มทั่วไปคือ
1. ALLY GLOBAL ลงทุนในสินทรัพย์โดยตรง และผลตอบแทนสูงกว่า โดย Platform การลงทุนทั่วไปจะลงทุนแบบต่อลงมาหลายขั้น ซึ่งทำให้การลงทุนทั่วไปอาจไม่ได้มีโอกาสเป็นสินทรัพย์ที่ดีได้ ทำให้การลงทุนทั่วไปได้รับผลตอบแทนตํ่ากว่ามาก
2. ALLY GLOBAL มีโอกาสที่จะเข้าถึงสินทรัพย์ที่ดีมากก่อนบริษัทอื่นๆ เพราะ ALLY GLOBAL มี Local Operator เป็นพันธมิตรหลัก ซึ่งมาจากการสร้าง Connection ชื่อเสียง และความชัดเจนที่ ALLY GLOBAL มีเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
3. ALLY GLOBAL เลือกเฉพาะสินทรัพย์ที่ดีและมีศักยภาพสูงเช่น ทำเลที่ดีที่สุด หรือ ธุรกิจที่มีความชัดเจนเรื่องการเติบโตและผลตอบแทน โดยมีจุดยืนเรื่องราคาที่จะลงทุน และมีความเข้าใจผู้ขาย ทำให้เกิดความเป็น Partnership ที่เหนียวแน่
ALLY GLOBAL มีการลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์และโรงแรมที่มีศักยภาพสูง อาทิ
1. โครงการซีเปรียนี่ (Cipriani) เป็น Mixed-Use มูลค่ากว่า 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ บนทำเลใจกลางเมืองที่ขึ้นชื่อว่าดีที่สุดของไมอามี่ ฟลอริดา นับเป็นที่ดินแปลงงามสุดท้ายใน Brickell ที่หรูและดีที่สุด เพิ่งมีการเปิดตัวรูปแบบเป็นคอนโดขายและให้เช่า
2. โครงการอาคารธุรกิจพาณิชย์ 18 อาคารบนถนนเวสเทิร์น อเวนิว สายหลักใน Hollywood ตั้งอยู่ใกล้พาราเมาท์ สตูดิโอและ เน็ทฟลิกซ์ ทำเลดีมีศักยภาพ โดยลงทุนร่วมกับแฟมิลี่ของมาร์ค ลาสลี่ ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ เดอะ อเวนิว กรุ๊ป ที่รู้จักในนามเจ้าของทีมบาสเก็ตบอลอันดับหนึ่ง มิลวอล์คกี้บัคส์ ที่โด่งดังในอเมริกา โดยแนวคิดการลงทุนนี้ เป็นการซื้อตึกพร้อมที่ดินและลงทุนในการปรับปรุง เพื่อสามารถเพิ่มผลตอบแทนจากค่าเช่าได้กว่า 5 เท่าจากราคาที่ลงทุน ขณะนี้ได้มีการเซ็นสัญญาเช่ากับแบรนด์ดังๆ อาทิ เดวิด เซอร์เวอเนอร์ อาร์ตแกลเลอรี่ดังระดับโลก และแฟชั่นไลน์ใหม่จากผู้ก่อตั้ง Theory และ Celebrity agent Scooter Braun
3. โครงการโรงแรมเครสเซนต์ (Crescent) นับเป็นหนึ่งในทำเลดีที่สุด ตั้งอยู่ใจกลางเบเวอรี่ฮิลล์ แคลิฟอร์เนีย ใกล้โรดิโอไดรฟ์ แนวคิดการลงทุนนี้ เป็นการลงทุนที่มีการได้รับผลตอบแทนที่แน่นอน โดยได้ให้แบรนด์โรงแรมซอนเดอร์ (Sonder) ที่มีชื่อเสียงเป็นผู้บริหาร และด้วยทำเลที่สวยงามทำให้มีผู้เสนอซื้อในราคาที่สูงกว่าราคาที่เราเข้าซื้อ 30% เพียงไม่กี่สัปดาห์หลังจากเข้าลงทุน อย่างไรก็ดีทางเรามองว่า มูลค่าในอนาคตจะยังคงเพิ่มต่อเนื่องโดยเฉพาะเมื่อโรงแรมได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นอีก
4. ออฟฟิศ 1375 บนถนนบรอดเวย์ นิวยอร์ค เป็นตึก 20 ชั้น ตั้งอยู่ใกล้ไทม์สแควร์ เพนสเตชั่น และไบรอัน พาร์ค ซึ่งไม่ได้รับผลกระทบจากโควิด ปัจจุบันมีอัตราการให้เช่าอยู่กว่า 95% เป็นการลงทุนในหุ้นบุริมสิทธิ์ที่มีความเสี่ยงตํ่า ให้ผลตอบแทนที่ 17% ตึกนี้ได้ลงทุนร่วมกับแฟมิลี่ออฟฟิศของเดวิด รูบินสไตน์ ผู้ก่อตั้งและเจ้าของคาร์ไลน์ กรุ๊ป กองทุนชื่อดังที่มีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารกว่าแปดล้านล้านบาท
ด้านโรงแรม (Hospitality) ธุรกิจโรงแรมที่น่าสนใจในการเข้าลงทุนมี 2 ประเภท 1. โรงแรมที่มีทำเลที่ดีมาก สามารถเข้าลงทุนซื้อในราคาที่ตํ่ากว่าราคาตลาด หากมีการลงทุนปรับปรุง โดยนำ Best in class operator ที่มี F&B component ที่ดังทั่วโลก สามารถทำให้ Room rate ขึ้นได้มาก 2. โรงแรมที่สามารถนำแนวคิดใหม่หรือเทรนด์ work from anywhere โดยตั้งอยู่ในทำเลที่สามารถขับรถได้ไม่ไกล และมีฤดูการพักได้ยาวตลอดทั้งปี นอกจากนี้ ยังได้มีการลงทุนโรงแรมที่ซิกเซ็นส์ อิบิซ่า สเปน ซึ่งแม้จะอยู่ในช่วงโควิด และเพิ่งเปิดให้บริการมาได้ไม่นาน ปรากฏว่าประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว โดยราคาค่าห้องจริงมีราคาสูงกว่าราคาค่าห้องที่คาดไว้กว่าสองเท่า กล่าวคือราคาค่าห้องที่คาดไว้ 700 ยูโรต่อคืน สามารถขายได้ที่ 1,430 ยูโรต่อคืน เป็นต้น
โดยรวมด้านอสังหาริมทรัพย์ ALLY GLOBAL ได้มีการลงทุนไปแล้วกว่า 40 โครงการทั้งในอเมริกา เอเชีย และยุโรป ในประเทศไทย ALLY REIT ได้มีการลงทุนไปแล้วกว่า 13,000 ล้านบาท หรือ 400 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ปัจจุบัน ALLY REIT จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ด้านสื่อและบันเทิง (Media & Entertainment) ปัจจุบันกระแสการสร้างซอฟท์พาวเวอร์ (Soft-power) มาแรงในหลายประเทศที่มองการใช้ธุรกิจบันเทิงมุ่งสู่ตลาดโลก ALLY GLOBAL วางแผนสร้าง Ecosystem ที่สมบูรณ์แบบและครบวงจร (Fully-integrated ecosystem) โดยนำผลงานบันเทิงที่มีความโดดเด่นในเรื่องของความคิดสร้างสรรค์ของประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปสู่สายตาเวทีผู้ชมระดับโลก โดย ALLY GLOBAL ได้จัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับบริษัทที่มีชื่อเสียงในวงการบันเทิงของไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยการลงทุนทางการเงิน พัฒนา และจัดจำหน่ายให้กับพันธมิตรบริษัทในวงการภาพยนตร์ทั้งในอเมริกาและระดับโลก จากภาพรวม อัตราการเติบโตของมูลค่างานด้านสื่อและบันเทิงของภูมิภาคเอเซียสูงกว่าของทวีปยุโรป ผนวกกับ ALLY GLOBAL มีความสัมพันธ์ที่ดีมากกับ Production company, Talent agency เจ้าใหญ่ใน Hollywood นอกจากนี้ ALLY GLOBAL ได้มีการลงทุนในบริษัทเอนเตอร์เทนเมนท์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป ในเดือนพฤศจิกายนปี 2020 ผ่านมา และได้ขายบริษัทดังกล่าวนี้ให้กับ Global Entertainment Aggregator โดยสามารถสร้างผลตอบแทนได้ถึงกว่าหกเท่าในเวลาเพียงไม่ถึง 2 ปีที่ลงทุน
ด้านการลงทุนในธุรกิจที่มีการเติบโต ยั่งยืน และพลังงานสะอาด (Growth, Sustainability and Green Energy) ALLY GLOBAL มีการลงทุนในบริษัทที่กำลังเติบโตและกลุ่ม startups กว่า 50 บริษัท อาทิ Hungryroot (AI-Powered Grocery service บริษัทที่ให้บริการค้าปลีกที่มีการเติบโตโดยใช้ระบบ AI โดยปัจจุบันมีมูลค่ากว่า 750 ล้านเหรียญสหรัฐ สูงกว่ามูลค่าการเข้าลงทุนในครั้งแรก Braven Environmental บริษัทที่ดำเนินธุรกิจในการแปลงพลาสติกเป็นพลังงาน (Plastic to energy technology company) นับเป็นบริษัทพลังงานทางเลือกที่มีมูลค่ากว่า 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เป็นต้น
ALLY Global Management เล็งเห็นว่า แนวโน้มการลงทุนในภาคเอกชนของประเทศที่มีความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ อาทิ สหรัฐอเมริกา ประเทศในยุโรปและเอเซียหลายประเทศ ต่างมองว่าการลงทุนแบบไพรเวท อิควิตี้ (Private Equity) สามารถให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าการลงทุนทั่วๆไป โดยสิ่งที่ ALLY GLOBAL โดดเด่น คือความได้เปรียบในแนวคิดการลงทุนแบบโดยตรง มีสินทรัพย์ที่ดีอย่างแท้จริง มีความชัดเจนในเรื่องอัตราผลตอบแทน ควบคู่กับการบริหารความเสี่ยงที่ดี รวมไปถึงโอกาสในการคัดเลือกสินทรัพย์หรือบริษัทที่เข้าไปลงทุนแบบมีเอกสิทธิ์ ALLY GLOBAL จึงมีเป้าหมายที่ชัดเจน ในการสร้างมิติใหม่ เพื่อเชื่อมโยงนักลงทุน South East Asia ในการลงทุนร่วมกับผู้นำธุรกิจระดับโลก โดยการนำแนวคิดระดับสากลนี้มาดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมนั้น จะก่อให้เกิดประโยชน์อย่างมหาศาลกับประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่อไปในอนาคต. www.ally-global.com